แนะนำ วัดเชียงใหม่ ไม่ควรพลาด

แนะนำ วัดเชียงใหม่ เชียงใหม่เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือที่นักท่องเที่ยวมาชื่นชมความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยว เต็มไปด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมต่าง ๆ หรือแม้แต่อาหาร และโดยเฉพาะถ้าใครเป็นหมูทรายและชอบบูชาพระพุทธเจ้าก็มีวัดหลายแห่งในเชียงใหม่ ให้เราสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราพร้อมที่จะชมความงามของล้านนาแล้วและที่สำคัญตอนนี้เราสามารถไปเชียงใหม่โดยรถทัวร์ได้แล้วและนี่คือวัดที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมในเชียงใหม่ เราขอแนะนำให้คุณสักการะและทำบุญกับพระพุทธเจ้า

ต้องบอกว่าเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงเรื่องวัดวาอารามมากมาย นอกจากนี้วัดแต่ละแห่งยังสวยงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอีกด้วย กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวกลุ่มหมูที่ต้องการมา ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไหว้พระ และขอความสำเร็จในชีวิต นี่คือ 7 วัดที่น่าไปเยี่ยมชมในเชียงใหม่ สายมูไม่ควรพลาด

แนะนำ วัดเชียงใหม่ วัดพันเตา

แนะนำ วัดเชียงใหม่ วัดพันเตา วัดเก่าแก่ใจกลางเมือง ตั้งอยู่บนถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง เดิมเคยเป็นอาณาเขตสังฆมณฑลและเป็นบริเวณที่พระอรรถรสได้ยึดครองจากวัดเจดีย์หลวง ต่อมาได้สร้างขึ้นเป็นวัดพันเตา ชาวเชียงใหม่แต่เดิมเรียกวัดนี้ว่า “พันเตา” แปลว่าถ้าทำบุญเพียงครั้งเดียวก็จะได้รับผลตอบแทนนับพันเท่า ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น “พันเต๋า” ที่มาอีกประการหนึ่งน่าจะเป็นว่าวัดแห่งนี้เป็นสถานที่ผลิตเตาหล่อพระพุทธรูปหลายแสนองค์ จึงได้ชื่อว่า “วัดพันเตา”

วัดนี้เป็นวัดที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุดในเชียงใหม่ ตัวอาคารทำด้วยไม้สักทั้งหลัง ตามแบบศิลปะเชียงแสน เดิมเรียกว่า หอคำ หรือ คุ้มหลวง เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมหิดลประเทศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งเชียงใหม่องค์ที่ 5 ในสมัยพระเจ้าอินทวิชานนท์ (รัชกาลที่ 7) ทรงมีพระบรมราชโองการให้รื้อห้องโถงแห่งนี้และอุทิศให้กับวัดพันเตาคุณยังจะได้เห็นธรรมาสน์โบราณที่มีอายุมากกว่าร้อยปีอีกด้วย ด้านหลังวัดหอคำหลวง เป็นเจดีย์ประธานของวัด มีลักษณะเป็นระฆังบนฐานแปดเหลี่ยม ล้อมรอบด้วยเจดีย์ที่สวยงาม

ประวัติ

วัดพันเตาเป็นวัดสาธารณะของกลุ่มมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ มีที่ดินสร้างวัด เนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 86 ตารางวาวัดพันเตา หรือ วัดพันเตา สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2477 เป็นวัดสมัยใหม่ ติดกับวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เพราะเคยอยู่ในบริเวณสังฆวาสวัดโชติการาม (วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร) มีตำนานเกี่ยวกับการก่อตั้งเมืองเชียงใหม่ในสมัยลัวะ ว่ากันว่า “มีเศรษฐีคนหนึ่งอาศัยอยู่กลางแม่น้ำ” คนทั้งห้านี้ถูกเรียกว่าเศรษฐีพันฟุต ทรงรักษาตามคำบอกเล่าของเจ้าชายราษีแลจึงเชื่อกันว่าวัดพันเตาเป็นบ้านของเศรษฐีผู้ดังกล่าวในสมัยก่อน ต่อมาวัดพันเตาได้ก่อตั้งขึ้นในสมัยพระเจ้าแสนเมือง ตามตำนานอีกเรื่องหนึ่ง เดิมทีมีเตาหลอมทองคำจำนวนหนึ่งพันเตาที่ใช้หล่อพระพุทธรูปอัฏฐโรจน์ ซึ่งเก็บไว้ในวัดวัดเจดีย์หลวง สถาน-ที่-ท่องเที่ยว-เชียงใหม่ เมื่อหล่อองค์พระเสร็จแล้ว ชาวเมืองจึงสร้างวัดในบริเวณนี้เรียกว่า “วัดพันเตา”[1]

สิ่งอำนวยความสะดวกที่สำคัญที่สุดคือวิหารหอคำซึ่งสร้างจากไม้สัก เดิมเป็นท้องพระโรงของพระเจ้ามโหตรประเทศ สร้างขึ้นเมื่อได้รับการเลื่อนยศจากพระยาอุปราชเป็นพระยาเชียงใหม่มหาวงศ์ตามตำแหน่งและเกียรติยศ จึงสร้างหอคำไว้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ปัจจุบันวัดหอคำแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2523 ภายในเป็นที่เก็บรักษาพระเจ้าพันเตา (พันครั้ง) ซึ่งมีความหมายอันเป็นมงคล “ความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรืองร้อยเท่าหลังวัดหอคำ” เป็นเจดีย์ทรงระฆังบนฐานแปดเหลี่ยม ล้อมรอบด้วยเจดีย์[2]ภายในวัดยังมีโบราณวัตถุรวมทั้งธรรมาสน์โบราณด้วย สร้างโดยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ พ.ศ.2416 ข้างพระพุทธรูปประธานในวิหารหอคำ [3]

วัดอุโมงค์

วัดอุโมงค์ ตั้งอยู่บนถนนสุเทพ อำเภอเมือง สร้างขึ้นในการปกครองของพระยามังรายราว พ.ศ. 2382 เพื่อให้กลุ่มอรัญวาสีได้ประทับอยู่ที่นั่นในช่วงเข้าพรรษา ต่อมาพญากือนาได้สร้างอุโมงค์ให้มหาเถระจันเพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม อุโมงค์นี้มีผนังด้านในและหลายช่องเคยมีจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโมงค์ เชื่อกันว่าถูกทาสีระหว่างปี 1900 ถึง 2000 เดิมทีน่าจะเป็นภาพวาดที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ของทุกห้อง โดยส่วนใหญ่จะพรรณนาถึงดอกบัว ดอกโบตั๋น และนก เช่น นกยูง นกกระสา นกแก้ว และเป็ด

มีเจดีย์ล้านนาเก่าอยู่เหนืออุโมงค์ นักโบราณคดีเชื่อว่าเป็นเจดีย์ทรงระฆัง มีชั้นทรงกลมประมาณ 3 ชั้น มีลักษณะคล้ายกลีบบัวซ้อนกัน มีมงกุฎอยู่ด้านบน ด้านหน้าอุโมงค์มีพระเศียรหินแกะสลักของตระกูลพะเยาช้าง พ.ศ. 2493-2100 บริเวณวัดเป็นสวนพุทธ ร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาชนิด เป็นวนอุทยานที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม ด้านหลังมีสวนป่าและสวนสัตว์ เป็นสวรรค์สำหรับการเดินป่าและเป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมสำหรับการดูนก

ประวัติ

แนะนำ วัดเชียงใหม่ ประมาณ พ.ศ. 2382 พระยามังรายได้สถาปนาอาณาจักรล้านนาร่วมกับพ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์ทรงปกครองสุโขทัย และพญางามเมือง กษัตริย์ปกครองพะเยา สร้างเมืองเวียงเล็ก (ปัจจุบันคือ บริเวณวัดเชียงมั่น) และตั้งชื่อเมืองว่า “นพบุรี ศรีนครปิง” เขามีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พระองค์จึงได้ทรงช่วยรักษาไว้ ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของศาสนาในล้านนา ในเวลานี้ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้ส่งคนไปเชิญพระภิกษุจากลังกามาประทับที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อให้พระภิกษุได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาในสุโขทัย เมื่อพระยามังรายทราบข่าว ก็มีพ่อขุนรามคำแหงส่งคนมาเชิญพระภิกษุ 5 รูปไปลังกา โดยมีพระกัสสปเถระเป็นหัวหน้าภิกษุกลุ่มนี้ เมื่อเข้าพรรษาที่วัดคันธม ต่อมาพระยามังรายได้สร้างวัดเวฬุคัทธาราม (ปัจจุบันคือ วัดอุโมงค์) และขอให้พระมหากัสสปเถระประทับอยู่ที่วัดแห่งนี้ในช่วงฤดูฝน

ต่อมาเมื่อพระเจ้ามังรายสิ้นพระชนม์ พระพุทธศาสนาขาดการบำรุงรักษา เพราะพวกเขายุ่งอยู่กับการทำสงครามภายในราชวงศ์เพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์ เมื่อถึงรัชสมัยของพระเจ้าพยูนพระพุทธศาสนาก็ฟื้นขึ้นมา ทรงมีศรัทธาต่อพระมหาเถระจันทน์มากจนถึงสมัยพระยาควราธรรมาธิราช (ประมาณ พ.ศ. 2453) พระเจ้ากือนาจึงรับสั่งให้ประชาชนบูรณะวัดเวฬุคัทธาราม เพื่อสนับสนุนพระมหาเถระจันทร์เข้าพรรษาที่วัดแห่งนี้ และตั้งชื่อวัดแห่งนี้ว่า “วัดอุโมงค์เถระจารย์” ตามชื่อของพระมหาเถระจันทน์ เจดีย์ได้รับการซ่อมแซมโดยการฉาบปูน สถาน-ที่-ท่องเที่ยว-เชียงใหม่ อุโมงค์ถูกสร้างขึ้นทางเหนือของเจดีย์ซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อถึงกันสี่ทาง

ราชวงศ์มังรายล่มสลายในปี พ.ศ. 2106 และตกอยู่ภายใต้การปกครองของล้านนาพม่า ส่งผลให้วัดอุโมงค์ขาดการบำรุงรักษาและถูกทิ้งร้างและเป็นซากปรักหักพัง ต่อมาเจ้าชื่นสิโรรสสามารถเคลียร์และบูรณะวัดแห่งนี้ได้ และสร้างที่ประทับใหม่ จึงได้เชิญพระภิกษุปัญญานันทน์จากสวนโมกข์ อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานีมาพักในช่วงเข้าพรรษาและเผยแพร่ศาสนาต่อไป

 

บทความแนะนำ